ดูแลรถก่อนการใช้งาน

Last updated: 11 พ.ค. 2553  |  8882 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ดูแลรถก่อนการใช้งาน

                               

                 เคยสนใจกันบ้างหรือเปล่าว่า รถก็ต้องการ การดูแลเช่นเดียวกับตัวเรา บางคนก็คิดว่ามันเป็นแค่เครื่องจักรไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลอะไรมากมาย ถึงเวลาก็ใช้เลิกใช้ก็ทิ้งไว้เฉยๆ ลองนึกดูให้ดีหากเป็นร่างกายของเราเองละ เช้าตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องแปรงฟัน ไม่ต้องอาบน้ำ แล้วลองนึกดูซิว่าเราจะรู้สึกอย่างไร หลังจากทำงานกลับบ้านไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องทานอาหาร แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับรถยนต์ก็ต้องการ การดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน แล้วเราจะเริ่มต้นตรงไหนดี ก็เราไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยาก ผมจะค่อยๆบอกและแนะนำกันไปหากทำได้ตามที่ผมบอก รับรองได้เลยว่ารถของท่านจะไม่งอแง แล้วก็ใช้งานได้ยาวนาน เริ่มต้นเลยดีกว่าจะได้นำไปใช้กันได้จริงๆ ผมจะพยายามแนะนำในสิ่งที่ง่ายๆ เพื่อที่จะได้นำไปปฏิบัติได้จริงครับ

                 การดูแลรถของเราแบ่งง่ายๆเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก รอบๆตัวรถ ส่วนหลังภายในห้องเครื่อง เมื่อเราแบ่งเช่นนี้ได้ก็จะทำให้เราจำได้ง่ายเพื่อที่เอาไปใช้งานจริง

                   รอบตัวรถ

                 ง่ายที่สุดครับกับการเดินดูรอบรถตัวเอง ก่อนอื่นเปิดไฟทุกอย่างให้หมด ไฟหน้า  ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว ไฟหรี่ ไฟเบรก(หาคนมาเหยียบเบรกด้วยนะครับ) ไฟตัดหมอก รวมไปถึงไฟฉายที่เราเก็บไว้ในรถด้วย เดินดูว่ามีดวงใดที่ไม่ติดบ้าง เมื่อพบดวงไฟที่เสียหรือไม่ทำงาน ต้องรีบแก้ไข หากทำเองไม่ได้ก็ไปศูนย์บริการหรืออู่ที่เราไว้วางใจ ให้แก้ไขให้เรียบร้อย อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้เพราะมันอันตรายมาก ลองนึกดูว่าหากไฟเบรกของเราไม่ติด แล้วเราก็เบรกรถตอนที่เราจำเป็นต้องเบรก แต่รถคันที่ตามหลังเรามาไม่รู้ว่าเราเบรกอะไรจะเกิดขึ้น อย่าเห็นว่าเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆครับ อันตรายมากครับ

                  ใบปัดน้ำฝน ควรตรวจด้วยว่าทำงานปกติหรือเปล่า ปัดเรียบหรือไม่ หากไม่ทำงานหรือปัดไม่เรียบควรแก้ไขทันที เพราะปัจจุบัน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เดาไม่ถูกว่าวันนี้จะเจอฝนหรือไม่เจอ บางทีไม่เจอฝนแต่ไปเจอรถที่เทศบาลเค้ารดน้ำต้นไม้กลางถนน ก็ไม่ต่างจากเจอฝนละครับ

         ภายในห้องเครื่อง

            อันนี้อาจจะยากสักนิดแต่ก็คิดว่าหน้าจะทำกันได้ เริ่มต้นด้วยการเปิดฝากระโปรงหน้ารถ แล้วก็มองให้ทั่วๆว่ามีอะไรหลุด หรือว่ามีอะไรที่มันผิดปกติจากที่เราเคยเห็นหรือไม่ หลังจากนั้นก็เริ่มดูที่กระปุกใส่น้ำมันเบรกก่อนเลยว่า มันมีน้อยกว่าที่กำหนดหรือเปล่า สังเกตง่ายๆที่กระปุกน้ำมันเบรก  มันจะมีขีดอยู่ 2 ขีด ขีดบนจะมีคำว่า MAX เขียนไว้ ส่วนขีดล่างจะมีคำว่า MIN เขียนไว้ สังเกตดูว่ามันต่ำกว่าขีดล่างหรือเปล่า หากต่ำกว่าให้หาน้ำมันเบรกเติมเข้าไป แล้วนำรถของเราไปตรวจเช็คระบบเบรกเสีย อันนี้อันตรายมากยามเราใช้รถ                                   

                ต่อไปมองหากระป๋องพักน้ำของหม้อน้ำ    ก็จะมีขีดเช่นเดียวกันกับกระปุกน้ำมันเบรก สังเกตดูว่าระดับน้ำในกระป๋องพักน้ำต่ำกว่าขีดล่างหรือเปล่า หากต่ำกว่าก็หาน้ำสะอาดเติมให้พอดีขีดบน(MAX) ก็เป็นอันใช้ได้ แต่หากอันต่อมาตรวจพบว่าน้ำหายไปอีกแนะนำว่า ควรนำรถไปตรวจเช็คระบบหล่อเย็นโดยด่วน ไม่เช่นนั้นอาจเสียหายมากกว่าที่คิด

                ถัดมา งมองหาเหล็กวัดน้ำมันเครื่อง ปกติจะเป็นสีดำ หรือสีเหลือง  แล้วมีอักษร OIL กำกับอยู่บนด้ามเหล็กวัดนั้น เมื่อเจอแล้ว ก็ลองชักออกมาตรวจดูว่า ระดับน้ำมันเครื่องต้องมีไม่ต่ำกว่าขีดล่างของเหล็กวัด ที่ปลายเหล็กวัดจะมีขีด 2 ขีด และก็มีอักษรกำกับ ขีดบน MAX ขีดล่าง MIN อย่าให้ระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าขีดล่างโดยเด็ดขาด หากตรวจพบว่าต่ำกว่าควรหาน้ำมันเครื่องมาเติมให้พอดีกับขีดบน แต่ต้องเป็นน้ำมันเครื่องนะครับ ห้ามเอาน้ำมันชนิดอื่นมาเติมโดยเด็ดขาด หากไม่แน่ใจให้โทรสอบถามศูนย์บริการหรืออู่ที่เราไว้วางใจก็ได้ เพื่อขอคำแนะนำจากช่างที่รู้จริง เพราะหากผิดพลาดไปแทนที่จะดีกลับกลายเป็นต้องเสียเงินมากมายนะครับ

                หากดูได้เท่านี้ตามที่ผมบอกรับรองได้เลยว่า อายุการใช้งานของรถท่านจะยาวนาน และจะไม่เสียกลางทางให้หงุดหงิดหัวใจครับ

หมี ดำเนิน

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้